วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557

3 ขบวนการง่ายๆ เอาใจช่วยให้ Facebook ของคุณเป็นเฉพาะบุคคลและพ้นภัย

หลายคนคงจะรู้อยู่แล้วว่า  มีการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ให้แสดงตนแพร่ข้อมูลต่างๆ ได้ในหลายระดับ ทั้งที่เป็นสาธารณะ, ให้เห็นเฉพาะเพื่อน, เห็นเฉพาะบางกลุ่มบางคน ใช่ไหมว่าเอาไว้เห็นเองคนเดียว แต่ก็เชื่อว่าหลายคนไม่รู้ว่ามันจักต้องไปตั้งค่ากันตรงไหน หรือว่าปัจจุบันตัวเองตั้งค่าเอาไว้แบบไหน?
Facebook จึงส่งน้องไดโนเสาร์สีฟ้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ เพราะว่าสร้างทางลัดช่วยให้ผู้ใช้ศักยปรับตั้งต่าความเป็นส่วนตัวของตนเองได้ตามที่ต้องการได้ง่ายขึ้น เพราะว่าให้เข้าไปที่หน้าบัญชี Facebook ของคุณ คลิ๊กที่มุมบนขวาตรงรูปกุญแจ ก็จักมีเมนูทางลัดให้เลือกระฉ่อนก
ขั้นตอนใน Privacy Checkup นี้จะแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนด้วยกัน
1. ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวในการโพสต์ของคุณ
เพราะปกติค่ามาตรฐานจักถูกตั้งเอาไว้ว่าให้เห็นเฉพาะเพื่อนเท่านั้น ซึ่งถือว่าปลอดภัยไร้ดราม่าได้ในระดับหนึ่ง (นอกจากเวลาถ้าโพสต์อะไรเสียๆ หายๆ แล้วมีเพื่อนสนิทคิดไม่ซื้อ capture หน้าจอไปโพสต์ที่อื่นก็ช่วยไม่ได้) ถ้าคุณเปิดเปรยมาก็เก่งเเลื่องลือกเป็นสาธารณะได้แต่ก็ไม่แนะนำ เพราะนั้นคือใครผู้ใดบนผืนโลกนี้อาจจักเห็น Timeline ของคุณเพราะว่าที่ไม่ต้องเป็นเพื่อน ไม่ก็ไม่ต้องมีบัญชี Facebook ก็รอบรู้เข้ามาดูได้หมด

2. ตั้งค่าการเข้าถึงจากแอพต่างๆ
ต้องยอมรับว่าโอกาสนี้มีแอพทั้งในเว็บราวเซอร์และมือถือ ร้องขอการเข้าถึงบัญชี Facebook ผู้ใช้ ยิ่งคุณโหลดแอพมาใช้มากมาย (โดยเฉพาะพวกเกม) ก็จะมีบัญชีชื่อแอพที่อยู่ในลิสต์ของ My apps คุณเป็นจำนวนมาก แนะนำว่าแอพไหนไม่ได้ใช้แล้ว ก็ให้ทำการลบทิ้ง ไม่ก็ถ้าดูแล้วแอพไหนจะเข้ามาโพสต์ข้อความใน Timeline สร้างความรำคาญให้กับเพื่อนเรา ก็เก่งไปปรับเปลี่ยนความเป็นสาธารณะได้เช่นกัน

3. ตั้งค่าการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว
บางคนเปิดหมดสิ้นทุกสิ่งอย่าง ตั้งแต่วันเกิด, ที่อยู่, บ้านเกิด, ที่ทำงาน, สถานศึกษา หรือไม่ก็แม้กระทั้งเบอร์โทรศัพท์ ซึ่งข้อมูลส่วนตัวเหล่านี้สมมติว่าเปิดพูดมากเกินไปอาจจักตกเป็นเป้าของผู้ที่ไม่ประสงค์ดีที่ต้องการเข้าถึงตัวเรา หรือไม่ก็นำข้อมูลส่วนตัวของเราไปแอบอ้างได้ ถึงแม้ว่า Facebook เองจักหิวให้เรากรอกทุกสิ่งอย่างในประวัติส่วนตัวชีวิตของเราลงไป แต่ก็ไม่ได้อยากได้ให้เราแสดงตนแพร่มันทั้งหมดให้ชาวโลกรับรู้ ดังนั้นมาปรับตั้งให้เหมาะสมก็จักเป็นการดีที่สุด
เพียงเท่านี้การใช้งาน Facebook ของคุณก็จักมีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้นแล้ว นอกจากนี้ถ้าประสงค์ปรับค่าความเป็นส่วนตัวให้มากกว่านี้ก็เป็นได้เข้าไปปรับเพิ่มได้อีกด้วย

วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เราจะสามารถต่อคอมพิวเตอร์ที่มีจิตสำนึกได้จริงๆ ในอนาคตหรือไม่ ???

[บทความพิเศษ] เราจะเป็นได้สร้างคอมพิวเตอร์ที่มีจิตสำนึกได้ครันๆ ในอนาคตใช่ไหมไม่ ???
เชื่อว่าเราๆ ท่านๆ คงจะได้เห็นหุ่นยนต์ที่มีความคิดเป็นของตัวเองกันมาอย่างมากมายจากใน จอเงินครับ ไม่ว่าจะเป็น Skynet จาก Terminator ไม่ก็จักป๊าเดปป์จาก Transcendence ฯลฯ อีกมากมาย ซึ่งทำให้ใครหลายๆ คนอดคิดไม่ได้ครับว่าในอนาคตนั้นเราจักมีคอมพิวเตอร์ที่มีความรู้สึกนึกคิด เป็นของตัวเองไม่ก็ไม่ วันนี้เราจักมาไขคำตอบกันครับว่าเรื่องจากหนัง Sci-Fi จักกลายมาเป็นความนักได้อย่างไร
ก่อนที่เราจักไปเรียนรู้กันว่าคอมพิวเตอร์นั้นสามารถที่จะมีความรู้สึกนึก คิดได้หรือว่าไม่นั้น สิ่งแรกที่เราต้องทำความรู้จักก่อนก็คือปัญญาประดิษฐ์หรือว่า Artificial Intelligence ไม่ใช่หรือเรียกสั้นๆ ว่า A.I. ครับ A.I. นั้นคือการพัฒนาโปรแกรมให้ระบบคอมพิวเตอร์มีพฤติกรรมให้เหมือนกับมนุษย์มาก ที่สุดเท่าที่จักทำได้
วิธีการที่จักทำให้คอมพิวเตอร์นั้นมีพฤติกรรมเหมือนกับมนุษย์นั้นเราจะจะทำ การเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้พร้อมทั้งความทำได้ทางประสาทสัมผัสให้กับเครื่อง คอมพิวเตอร์ก่อน ซึ่งสิ่งเหล่านี้นั้นจะเลียนแบบมาจากรูปแบบการเรียนรูปพร้อมทั้งการตกลงใจของ มนุษย์ครับ A.I. นั้นมีหลายสาขาครับอันประกอบไปด้วย
  • Expert-System ไม่ก็ระบบผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นระบบให้คำปรึกษาในการจัดการปัญหา เพราะอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญของมนุษย์ที่ได้ใส่เอาไว้ในโปรแกรม
  • Neural Network ไม่ใช่หรือระบบจำลองคอมพิวเตอร์ให้ทำได้ทำงานเหมือนกับสมองของมนุษย์ได้(ไม่ใช่หรืออย่างน้อยก็จำลองให้เหมือนมากที่สุด)
  • Genetic Algorithms ใช่ไหมปัญญาประดิษฐ์ที่เอาไว้ใช้ด้วยว่าการสร้างทางเเอิกเกริกกจำนวนมาก รวมไปถึงตกลงใจเเล่าลือกทางเเอิกเกริกกที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้เพราะปัญหานั้นๆ
  • Natural Language Processing ใช่ไหมการประมวลภาษาธรรมชาติ เป็นการโปรแกรมเพื่อให้คอมพิวเตอร์เชี่ยวชาญที่จะเข้าใจพร้อมกับประมวลผลภาษา ธรรมชาติของมนุษย์ เช่นคำพูดใช่ไหมภาษาที่ใช้ในการสื่อสาร ฯลฯ แล้วคอมพิวเตอร์สมรรถที่จักทำการโต้ตอบได้อย่างเหมาะสมกับภาษานั้นๆ
  • Learning System หรือว่าระบบการเรียนรู้เป็นระบบที่สร้างขึ้นเพื่อให้คอมพิวเตอร์เชี่ยวชาญที่จักทำ การเรียนรู้ได้จากประสบการณ์(ตัวอย่างเช่นคอมพิวเตอร์รอบรู้เรียนรู้ได้ว่า ขับฝ่าไฟแดงเป็นเรื่องผิด) ภายหลังนั้นคอมพิวเตอร์สามารถที่จะโต้ตอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่าง เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม(ตามสิ่งที่เรียนรู้มา)
  • Vision System ไม่ก็ระบบการมองเห็นเป็นระบบที่คอมพิวเตอร์เชี่ยวชาญที่จะทำการบันทึกสิ่งที่มอง เห็น แล้วเก็บไว้ในหน่วยความจำในลักษณะของรูปภาพ ตัวอย่างเช่นระบบวิเคราะห์รอยนิ้วมือ(เทียบกับมนุษย์ก็คือความทรงจำในลักษณะ ที่เป็นรูปภาพ)
  • Robotic ไม่ก็หุ่นยนต์เป็นการพัฒนาเครื่องจักรกลใช่ไหมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ให้เชี่ยวชาญทำ การเคลื่อนไหวได้เฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ เพราะการเคลื่อนไหวนั้นจะมีความแม่นยำเที่ยงตรงกว่ามนุษย์หลายเท่า(เนื่องแต่ หุ่นยนต์ไม่มีกล้ามเนื้อให้เกิดความเหนื่อยล้า)
การที่วิชาทางด้านปัญญาประดิษฐ์แยกพวกของปัญญาประดิษฐ์ไว้หลายๆ เหล่า ก็เนื่องมากจากการทำงานด้วยกันหลักของการเขียนโปรแกรมเพราะด้วยปัญญาประดิษฐ์แต่ละ หมวดจะไม่เหมือนกันครับ ด้วยกันจากข้อมูลข้างต้นเราจะเห็นได้ว่าปัญญาประดิษฐ์นั้นถูกจำลองมาจากพฤติกรรม ของมนุษย์แทบทั้งสิน
ปัญหาที่ตามมาก็คือปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้จักทำเป็นสู้กับพฤติกรรมพร้อมกับความ รู้สึกนึกคิดของมนุษย์อย่างเราๆ ท่านๆ ได้ไม่ก็ไม่ ให้ลองดูจากตารางดังถัดนี้ครับ
จากตารางท่านจะเห็นได้ครับว่าปัญญาประดิษฐ์นั้นไม่ได้มีความทำได้เหนือ มนุษย์ไปหมดทุกอย่าง สิ่งหนึ่งที่เป็นทั้งผลดีพร้อมกับผลร้ายในเวลาเดียวกันก็คือจิตใต้สำนึกเรื่องของ ความดีงามนั้นปัญญาประดิษฐ์ไม่มีเหมือนมนุษย์เราครับ ตัวอย่างเช่นเรื่องของการลักขโมย มนุษย์เราปางกระหายจักได้ของอะไรสักอย่างที่อยู่ตรงหน้าแต่ว่าของชิ้นนั้นไม่ ใช่ของเรา ด้วยประสบการณ์พร้อมด้วยคำสั่งสอนรวมไปถึงความรู้ทางด้านกฎหมาย อาจจะทำให้เราใตร่ตรองพร้อมด้วยตกลงใจไม่ทำการลักขโมยนั้น
ในทางกลับกันถ้าเป็นปัญญาประดิษฐ์แล้ว การปลงใจเเลื่องลือกว่าจะขโมยหรือไม่ก็ไม่ขโมยนั้นมีปัจจัยหลายอย่างซึ่งขึ้นอยู่กับ ว่าปัญญาประดิษฐ์นั้นจักมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการลักขโมยในครั้งนั้นมาก แค่ไหน และคอมพิวเตอร์ก็จักเระบือกคำตอบที่ดีที่สุดที่สมรรถทำการประมวลผลออกมาได้ ซึ่งนั่นอาจจักหมายถึงการขโมยของชิ้นนั้น เป็นต้นครับ(เพราะว่ายังไม่มีกฎหมายที่ใดบนโลกนี้ที่กราบทูลว่าหุ่นยนต์ลักขโมยแล้ว มีความผิดเป็นต้น)
จนถึงเรามองว่าหน่วยประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นเหมือนกับสมองที่ ใช้ในการปลงใจนั้น สิ่งนี้ก็ไม่ผิดมากนักครับ เพราะว่าตั้งแต่เรามีเครื่องคอมพิวเตอร์มานั้น คอมพิวเตอร์ก็ได้เข้ามาทำงานทางด้านการตัดสินใจหลายๆ อย่างแทนมนุษย์ เพราะว่าเฉพาะอย่างยิ่งกับงานที่มีความละเอียดไม่ว่าจักเป็นงานทางด้านตัวเลข ไม่ก็งานทางด้านการประมวลผลข้อมูล
สิ่งหนึ่งที่คอมพิวเตอร์มีดีกว่ามนุษย์เราก็คือคอมพิวเตอร์ไม่รู้จักเหนื่อย ล้าครับ ซึ่งนั่นทำให้คอมพิวเตอร์สมรรถที่จักทำการประมวลผลได้ตลอดเวลาเลยที เดียว(ถ้าเครื่องไม่ร้อนจนไหม้ไปซะก่อน) แต่มนุษย์เรานั้นมีความเหนื่อยล้าจากปัจจัยหลายๆ อย่างเกิดขึ้นดังนั้นเราต้องมีการพักผ่อนครับ
คุณอาจจะชี้ว่าถ้าเรากลัวปัญญาประดิษฐ์ทำผิดก็ให้โปรแกรมไปด้วยว่าสิ่ง ไหนที่ปัญญาประดิษฐ์ทำแล้วจะผิด ซึ่งเรื่องนี้นั้นก็ได้มีการถกเถียงมากมายกันอย่างกว้างขวางครับ ก็เพราะว่าแม้กระทั่งมนุษย์เองแล้วนั้น
การกระทำในเรื่องเดียวกันบางคนอาจจะคิดว่าสิ่งนี้ผิด ส่วนอีกคนอาจจะคิดว่าสิ่งนี้ไม่ผิดก็เป็นได้ สมมติคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบดูภาพยนตร์ Sci-Fi บ่อยๆ แล้วหล่ะก็ คุณจะเห็นได้อย่างชัดเจนครับว่าเพราะส่วนมากแล้วหุ่นยนต์ที่มีปัญญาประดิษฐ์ อยู่ด้วยนั้นจักปฏิบัติตามสิ่งที่จักทำให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด(หรือไม่ก็สิ่ง ที่ดีที่สุด) แม้แต่นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์เองก็มีความเห็นที่แตกต่างกันออกไปในเรื่อง นี้ครับ มีทั้งเสียงที่สนับสนุนกับเสียงที่ไม่สนับสนุนครับ
นักวิทยาศาสตร์อย่าง Stephen Hawking นั้นเคยพูดว่าการพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ในปัจจุบันนั้นยังไม่จำเป็นมากนัก ที่เราจะต้องใส่ใจในเรื่องของความกลัวเหมือนอย่างภาพยนตร์ Sci-Fi แต่ในอนาคตถ้าเทคโนโลยีรุดหน้าไปมากขึ้นจนกระทั่งปัญญาประดิษฐ์ได้รับการ พัฒนาจนมีความทำเป็นที่เท่าเทียมกับมนุษย์เราทั้งทางด้านกายภาพพร้อมด้วยทางด้าน ความคิด จนกระทั่งนั้นปัญญาประดิษฐ์จักเชี่ยวชาญที่ทำการพัฒนาความรู้ความทำได้ของตัวเองต่อ ไปเหมือนมนุษย์ได้
ซึ่งจะทำให้การควบคุมปัญญาประดิษฐ์ที่อาจจะอยู่ในรูปแบบของหุ่นยนต์หรือไม่ คอมพิวเตอร์นั้นยากขึ้น ท้ายที่สุดแล้วด้วยความสมรรถในการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ที่มีมากกว่า มนุษย์หลายเท่านักก็จะเอาชนะวิวัฒนาการของมนุษย์ที่ค่อยๆ พัฒนาไปอย่างช้าๆ ได้ครับ
สิ่งที่เราๆ ท่านๆ เคยเห็นในภาพยนตร์ Sci-Fi นั้นอาจจักเป็นนักขึ้นมาในอนาคตครับ เนื่องจากว่าว่าวงการของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์นั้นก้าวไปเร็วมาก ในปัจจุบันเราเก่งที่จะทำให้คอมพิวเตอร์สามารถที่จะพูดคุยติดต่อสื่อสาร กับเราได้อย่างรู้เรื่อง ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ไกลตัวที่ไหน
คุณลองมองไปที่สมาร์ทโฟนของคุณเองก็ได้ครับ ถ้าเป็น iOS ก็จักมี Siri ที่ทำเป็นคุยกับเราได้ ส่วนระบบ Android ก็มี Google Now เพราะด้วย Windows Phone เองนั้นก็มี Cortana สิ่งต่างๆ เหล่านี้เหมือนอาจจะพึ่งริเริ่มต้นมาได้ไม่นานนักแต่ความเร็วในการพัฒนาของ ระบบต่างๆ เหล่านี้นั้นไปได้รวดเร็วกว่าที่เราๆ ท่านๆ คิดไว้มาก(ดูง่ายๆ ครับ iPhone พึ่งมีรุ่นที่ 6 ไปไม่นาน ก็ยังเก่งขนาดนี้) นี่ยังไม่รวมไปถึงเทคโนโลยีของหุ่นยนต์ที่นับวันจักมีการจำลองมาจากการ เคลื่อนไหวเป็นแน่แท้ๆ เข้าไปจนหุ่นยนต์เริ่มเคลื่อนไหวได้เหมือนกับมนุษย์เราแล้ว(แต่ดีกว่าตรงที่ ไม่รู้จักเหนื่อย)
แม้จะพูดไปแล้วตอนนี้มนุษย์ชาติก็เหมือนกับกำลังก้าวอยู่ในระดับทารก เพื่อที่จักสร้างระบบคอมพิวเตอร์ที่มีความรู้สึกนึกคิดได้เองครับ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนมากที่สุดก็คือเรื่องของ Google ที่ครั้นเมื่อคาดว่า 2 ปีก่อนนี้ทาง Google ได้มีการพยายามทำโปรแกรมที่จักจัดเรียงรูปแบบของข้อมูลที่เหมือนๆ กัน
แต่ทว่าโปรแกรมนั้นต้องดูไฟล์วีดีโอบน Youtube เป็นล้านๆ ไฟล์ถึงจะเชี่ยวชาญระบุแมวได้ถูกต้องแค่ 70% ในขณะที่มนุษย์เรานั้นอาจที่จะจำแนกได้แค่การดูตัดผ่านประสบการณ์ไม่กี้ ครั้งเท่านั้น ดังนั้นคงต้องใช้เวลาอีกนานครับกว่าที่คอมพิวเตอร์ที่มีปัญญาประดิษฐ์นั้นจัก ทำได้มีจิตใต้สำนึกเองได้
หมายเหตุ - มีนักสังคมศาสตร์บางคนย้ำเตือนว่าโดยปกตินั้นมนุษย์เองก็มีความสลับซับซ้อนใน พฤติกรรมอยู่มากมาย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่เราจะจำรองระบบที่มีแต่ถูกไม่ใช่หรือผิดให้ทำได้ที่จะ ตัดสินใจใช่ไหมมีความรู้สึกนึกคิดเหมือนมนุษย์ได้ครับ แต่ว่าในอนาคตนั้นอะไรก็เป็นไปได้ครับ
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2557

10 ชั้นเจ้าแห่ง Instagram (ไทยร่วง)

ไทยเสียแชมป์สถานที่ยอดนิยมใน  ปีนี้ให้กับดิสนีย์แลนด์
Instagram ประกาศอันดับสถานที่ถ่ายภาพกับแชร์ยอดนิยมประจำปี 2014 โดยใช้ข้อมูลจาก Geotagged ซึ่งปีที่ทะลุทะลวงมามีการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือฐานข้อมูลสถานที่เปลี่ยนจาก Foursquare มาเป็นของ Facebook Places
เนื่องด้วยอันดับในปีนี้สถานที่ในประเทศไทยซึ่งครองอันดับ 1 มาสองปีซ้อน (สนามบินสุวรรณภูมิ ปี 2012 และสยามพารากอน ปี 2013 ได้เสียแชมป์ให้กับดิสนีย์แลนด์ แคลิฟอร์เนีย ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 3 มาสองปีก่อนหน้านี้
รายชื่อ 10 สถานที่ยอดนิยมของโลกใน Instagram ปี 2014 เป็นดังนี้
  1. ดิสนีย์แลนด์ แคลิฟอร์เนีย
  2. Dodger Stadium ลอสแองเจลิส
  3. ไทม์สแควร์ นิวยอร์ก
  4. สยามพารากอน กรุงเทพฯ
  5. สวนสนุก Gorky Park มอสโคว์
  6. พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ปารีส
  7. จัตุรัสแดง มอสโคว์
  8. เมดิสันสแควร์การ์เดน นิวยอร์ก
  9. สนามแยงกี้ สเตเดียม นิวยอร์ก
  10. ดูไบมอลล์ ดูไบ
ถ้าจัดอันดับกันเองในไทยปีนี้ ไม่รับฝากร้าน อาจจักได้รับความนิยมมากที่สุดก็เป็นได้

วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ผลการตรวจตราชี้ Tumblr โตไวสุด ส่วน Facebook ถึงจุดอิ่มตัวแล้ว

Tumblr เป็นแอปพลิเคชั่นที่ดังแบบเงียบกริบในประเทศไทย คนส่วนมากอาจจักไม่ค่อยรู้จัก แต่ในต่างประเทศมันเป็นโซเชียลมีเดียที่คนใช้งานค่อนข้างเพียบ เมื่อต้นปีที่ทะลุมา Instagram เป็นโซเชียลแพลทฟอร์มที่เรียกได้ว่ามีอัตราการเจริญเติบโตเร็วที่สุด แต่ในระยะนี้ต้องหลีกทางให้กับ Tumblr พร้อมทั้ง Pinterest ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นแชร์รูปรูปภาพที่มี active user มากที่สุด
ในช่วง 6 เดือนที่ตัดผ่านมา Tumblr มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 120% ตามการรายงานของ Global Web Index ในขณะที่  มีการเติบโตแค่แค่ 2% เท่านั้น
ส่วน Pinterest ตามมาเป็นที่ 2 ด้วยอัตราการเจริญเติบโต 111% เพราะว่าผู้ใช้งานเหล่านี้มักจักเข้ามาใช้งานเป็นประจำ พร้อมด้วย Instagram อดีตแชมป์พอต้นปี ตกลงมาเป็นที่ 3
เพื่อแพลทฟอร์ม 8 อันดับแรกในผลการสำรวจนี้ Facebook อยู่ในอันดับสุดท้าย ตามหลัง LinkedIn, Twitter, YouTube ด้วยกันแม้แต่ Google+
ผลการสำรวจนี้เป็นพางการแสดงอัตราการเจริญเติบโต ไม่ใช่จำนวนผู้ใช้งานหรือไม่ความนิยมในแพลทฟอร์มต่างๆ ก็เพราะว่าในแง่ของจำนวนผู้ใช้งานแล้ว Tumblr ก็ยังเป็นอันดับที่ 8 ในขณะที่ Facebook ยังคงเป็นที่หนึ่งของโลก ณ เวลานี้ ถึงแม้จะดูเหมือนใกล้จะถึงจุดพีคสุดพร้อมด้วยจักค่อยๆ ตกลงในไม่ช้านี้
ตามข้อมูลระบุว่าผู้ใช้งาน Tumblr มีอายุเฉลี่ยต่ำกว่าผู้ใช้งาน Facebook ที่มีแนวโน้มว่าจักเป็นคนที่มีอายุมากขึ้นเรื่อยๆ
เนื่องด้วยโมบายล์แอปพลิเคชั่น Snapchat มีอัตราการเจริญเติบโตมากที่สุด ด้วยตัวเลข 56% ในช่วง 6 เดือนที่เปลี่ยนมา Facebook Messenger ตามมาเป็นที่ 2 ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ เพราะว่าทุกคนถูกบังคับให้โหลด Instagram เป็นอันดับที่ 3 ตามมาด้วย Line, Pinterest, Kakao Talk ด้วยกัน Vine
ในรายงานของ GWI ยังระบุอีกว่า Facebook กำลังเผชิญความท้าทายอย่างมาก เพราะกำลังจักเข้าสู่จุดอิ่มตัวในไม่ช้า โดย 50% ของผู้ใช้งานในอเมริกาพร้อมด้วยยุโรปไม่ค่อยได้ใช้ Facebook บ่อยๆ เหมือนแต่ก่อน
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> hitech.sanook.com

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ทะลวง 10 แฟนเพจยอดนิยม โพสต์ฤๅคนไลค์เป็นล้าน!

คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แฟนเพจดารา บุคคลสาธารณะ หรือไม่ธุรกิจใหญ่ๆ ที่จัดโปรโมชั่นล่อตาล่อใจจักมีคนกดไลค์เป็นล้าน แต่ถ้าคนธรรมดาๆ ลุกขึ้นมาเปิดเพจบนเฟซบุ๊คจนมีคนติดตามหลักล้าน
มันก็ชวนให้ตั้งคำถามว่าพวกเขาโพสต์อะไรกัน เนื้อหาที่อยู่ในเพจเหล่านั้นเป็นอย่างไร มาติดตามพร้อมๆ กันเลยค่ะ
ผู้เขียนได้นำข้อมูลจาก www.zocialrank.com  ณ วันที่ 26 พ.ย. 2557 มาคัดเละบือกดูว่าเพจที่ไม่ได้เป็นของแบรนด์ธุรกิจใหญ่ๆ เหรอนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลสาธารณะ จำนวน 10 อันดับแรกมีเพจอะไรบ้าง ผลการสำรวจมีดังนี้
1. เพจ อัพยิ้มดอทคอมบริการเติมรอยยิ้ม 24 ชม. ผู้ติดตาม 3,123,662 คน 
2. เพจ NerKoo.com เนื้อคู่ แชท หาคู่ หาแฟน ผู้ติดตาม 2,484,611 คน
3. เพจ ข้อความโดนๆ  ผู้ติดตาม 2,205,225 คน
4. เพจ คิดว่าดีก็ทำรองลงไป ผู้ติดตาม 2,108,965 คน
5. เพจ สมาคมมุขเสี่ยวๆ ผู้ติดตาม 2,148,502 คน
6. เพจ เพจนี้เกี่ยวกับคุณ ผู้ติดตาม 1,696,462 คน
7. เพจ ThaiMarketing.in.th ผู้ติดตาม 1,474,284 คน
8. เพจ รักจับใจ  ผู้ติดตาม  1,407,047
9. เพจ การถ่ายภาพ ผู้ติดตาม  1,340,610 คน
10. เพจ สมาคมกวน TEEN 18+ ผู้ติดตาม  1,278,097 คน
จากการสำรวจแฟนเพจข้างต้น พบว่าเนื้อหาแบ่งออกเป็น 3 เหล่า ดังนี้
1. คำคม, ข้อความโดนๆ
เพจยอดนิยมจำนวน 6 ใน 10 เน้นโพสต์คำคมหรือข้อความโดนๆ ไม่ใช่หรือคิดเป็น 60% เลยทีเดียว เดาได้ไม่ยากว่าเนื้อหาประมาณการนี้จะต้องโดนใจก็เพราะว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ทุกคนเคยพบเจอ  เพราะโลกโซเชียลอะไรที่อ่านแล้ว โดน มักจักถูกไลค์ถูกแชร์ถล่มทลาย
คำคมเหล่านี้จะต้องไปโดนกับส่วนใดส่วนหนึ่งของชีวิตแฟนเพจบ้างแหละ ไม่ว่าจักเป็นอกหัก เจ้านายด่า เพื่อนร่วมงานเพี้ยนๆ หรือไม่ก็แอบรักแฟนชาวบ้าน  ฯลฯ เรื่องราวเหล่านี้ล้วนเป็นประสบการณ์ตรงของคนทั่วไป ที่อ่านแล้วไม่ฮาน้ำตาไหลก็อาจจุกได้เหมือนกัน 
การแชร์ข้อความเหล่านี้อาจจักเป็นหนึ่งในวิธีการแสดงความรู้สึกของผู้แชร์ในอีกทางหนึ่งก็ได้
2. ภาพขำๆ แปลกๆ
ภาพ 1 ภาพ มีค่านับพันคำ ภาพรอบรู้เล่าเรื่องได้ดีกว่าตัวหนังสือ เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันดี เพราะว่าเฉพาะภาพขำๆ แปลกๆ ที่เห็นแล้วก่อให้เกิดอารมณ์ความรู้สึก ไม่ว่าจักเป็นความขบขัน ความอึ้ง ทึ่ง เสียว ก็จักยิ่งเรียกยอดไลค์ยอดแชร์ได้มาก
จากการสำรวจ 10 เพจยอดนิยม มี 3 เพจ ที่เน้นการนำเสนอภาพที่สร้างความขบขันพร้อมกับรูปแปลกๆ เป็นประจำ เพราะว่าผู้เขียนมีข้อสังเกตอย่างหนึ่งคือ แม้แต่เพจที่ใช้ชื่อว่า Thai Marketing ด้วยกัน การถ่ายภาพ (ที่ดูเหมือนจะให้สาระความรู้ด้านการตลาดด้วยกันถ่ายภาพ) ก็ยังมีแต่โพสต์รูปภาพแนวเรียกเสียงฮา พร้อมด้วยไม่มีโพสต์ที่พูดถึงการตลาดหรือการถ่ายภาพเลย
3. เกาะกระแส, ข่าวสาร
ถือเป็นเนื้อหาที่พบน้อยที่สุดในบรรดาเพจยอดนิยมทั้ง 10 เพจ โดย อัพยิ้มดอทคอมบริการเติมรอยยิ้ม 24 ชม. เป็นเพจเดียวเท่านั้นที่มีเนื้อหาเกาะกระแสไม่ใช่หรือข่าวสารที่น่าสนใจ

ลักษณะอย่างหนึ่งที่ทั้ง 10 เพจมีเหมือนๆ กันคือ วิธีการโพสต์เนื้อหาจะเป็นรูปภาพพร้อมคำอธิบายสั้นๆ ไม่กี่คำแบบที่อ่านแล้วเข้าใจได้ทันที  ไม่ต้องใช้เวลาอ่านท่วมท้น ส่วนมากจะเป็นเรื่องทั่วๆ ไปที่คนให้ความสนใจ  มีวิธีการสร้างเนื้อหาในแต่ละโพสต์ง่ายๆ  ไม่ซับซ้อน
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความเหมือนเหล่านี้ เพจ คิดว่าดีก็ทำหลังจากนั้น ด้วยกัน สมาคมมุขเสี่ยวๆ ถือเป็นเพจที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงกว่าเพจอื่น เพราะว่ามีคาแรกเตอร์ของเพจที่ชัดเจนมาตั้งแต่แรกๆ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้แฟนเพจมีส่วนร่วมค่อนข้างมาก เพราะว่าจะมีการเปิดให้แฟนเพจส่งข้อความโดนๆ เข้ามาร่วมสนุกเพื่อให้แอดมินนำไปโพสต์ต่อ
จากการสำรวจทั้ง 10 เพจยอดนิยม จักสังเกตได้ว่าเพจที่มีคาแรกเตอร์ชัดเจนจะสร้างการมีส่วนร่วมจากผู้ติดตามได้มากกว่า วัดได้จากยอดไลค์พร้อมด้วยยอดแชร์เปรียบเทียบกันแบบโพสต์ต่อโพสต์  
ทั้งหมดนี้เป็นข้อสรุปคร่าวๆ จากการสำรวจเนื้อหาบนแฟนเพจที่มีคนกดไลค์มากที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนเชื่อว่าจำนวนคนกดไลค์ไม่ใช่คำตอบเกี่ยวกับทุกอย่าง บางทีการสร้างแฟนเพจที่มีเนื้อหาเฉพาะทางที่มีคนกดไลค์หลักพันหรือว่าหลักหมื่นอาจจะสร้างประโยชน์ให้กับผู้ติดตามมากกว่าก็ได้
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> http://thaizones-hitech.blogspot.com

วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Samsung Galaxy S5 ออกตัวแป้กเยอะแยะ! ยอดขายเสื่อมถอยกว่าเป้าถึง 40%




ดูเหมือนปีนี้จะเป็นปีชงแน่แท้ๆของ Samsung เพราะอะไรๆก็ดูจะแย่กว่าที่คิดไว้ไปหมด หลังจากที่ Galaxy S5 มือถือเรือธงของ Samsung ที่ได้เปิดตัวมา 9 เดือนแล้ว แต่ก็ยังทำยอดขายกลับไม่สู้ดีเท่าไรนัก ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ถึง 40%เลยทีเดียว


ในช่วง 3 เดือนแรกของการโหมโรง Samsung Galaxy S5 สมรรถทำยอดขายไปได้ทั้งสิ้น 12 ล้านเครื่อง ซึ่งดูเผินๆก็เป็นตัวเลขที่ไม่ได้น่าเกลียดอะไร แต่ครั้งเทียบกับยอดขายของ Galaxy S4 ใน 68 วันแรกหลังการเริ่มนั้นทำได้สูงถึง 20 ล้านก็คงต้องยอมรับว่า Galaxy S5 ล้มเหลวจนกระทั่งเทียบกับรุ่นก่อนๆหน้า

ในหลายๆตลาดขณะนี้ ยอดขายของ Samsung Galaxy S5 ก็ค่อยๆลดลงมาเรื่อยๆ เช่น ในประเทศจีน ที่มีความต้องการใน Galaxy S5 นั้นตกลงมามากถึง 50%

แน่นอนว่า Samsung ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ายอดขาย Samsung Galaxy S5 จักย่ำแย่ได้ถึงขนาดนี้ ถึงกับต้องหันมาปรับกลยุทธ์เป็นการใหญ่ตามที่ข่าวได้ออกมาก่อนหน้านี้ว่าทาง Samsung จะทำการลดจำนวนรุ่นของ Smartphone ที่จักผลิตนับจากนี้ไป รวมถึงลดค่าพร้อมทั้งใช้จ่ายต่างๆลงด้วย

ที่มา: http://hitech.sanook.com/1393005

ติดตามข่าวมือถือซัมซุง โทรศัพท์มือถือ กาแลกซี่s5 หรืออื่นๆ ได้ที่ :http://thaizones-hitech.blogspot.com/

วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

กินเนสส์บุ๊คแสดงตัว “10 อันดับเกมที่ดีที่สุดตลอดกาล”

กินเนสส์บุ๊คแสดงตัว “10 อันดับเกมที่ดีที่สุดตลอดกาล”
Guiness Book of World Records ใช่ไหมที่เรารู้จักกันสั้นๆในนาม “กินเนสส์บุ๊ค” ได้จัดทำกินเนสส์บุ๊คฉบับ Gamers Edition 2015 รวบรวมสถิติที่น่าสนใจในวงการเกม  ซึ่งในวันนี้เราก็มี 10 อันดับซีรี่ส์เกมที่ยอดเยี่ยมตลอดกาลมาฝากกันค่ะ
เพราะ 10 อันดับซีรี่ส์เกมที่ยอดเยี่ยมตลอดกาล  มีดังนี้
10. The Elder Scrolls
9. Battlefield
8. Assassin’s Creed
7. FIFA
6. The Legend of Zelda
5. Halo
halo
4. Grand Theft Auto

400px-Grand-Theft-Auto-Series
3. Minecraft

minecraft
2. Super Mario Bros.

Super-Mario-Bros.-3
1. Call of Duty

Call-of-Duty-MW4
อ้างอิงจาก ZeldaInformer
ที่มา: http://hitech.sanook.com/1392885
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> hitech.sanook.com

วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

7 เหตุผลที่คุณ(อาจจะ)ไม่ต้องมีสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่

7 เหตุผลที่คุณ(อาจจัก)ไม่ต้องมีสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่
     ไม่ยอมรับไม่ได้ว่าปัจจุบันผู้บริโภคหันมาใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น อาจก็ก็เพราะว่าว่าเป็นปัจจัยในการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ใช่หรือ ตามกระแสสังคม แน่นอนว่า สมาร์ทโฟน เริ่มใหม่ไม่ว่าจักมาจากแบรนด์ใด มักจักมีฟีเจอร์พิเศษไว้ล่อตาล่อใจ ชวนหิวได้ครอบครอง ทั้งที่บางครั้งก็อาจจักมีมูลค่าสูงเกินกว่าจำเป็น
     ดังนั้นก่อนจักตกลงใจจ่ายเงิน เพื่อซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ สเปคเทพๆ มาใช้สักเครื่องหนึ่ง ควรสำรวจพฤติกรรมรอบๆ ตัวเองสักนิด ก็เพราะว่าว่าสมาร์ทโฟนแบบใหม่
     บางครั้งก็ตอบโจทย์ตัวเองไม่ได้ทั้งหมด โทรศัพท์เครื่องปัจจุบันของคุณอาจจะยังเหมาะสมอยู่ หรือว่าไม่ก็ไม่ก็ กลับมานึกเสียดายที่ใช้สมาร์ทโฟนเครื่องใหม่แบบไม่คุ้มค่าการลงทุน นี่คือเหตุผลหลักๆ ที่จักช่วยสำรวจตัวคุณ ตอบคำถามได้ว่า..ควรซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ได้แล้วเหรอยัง?
 ถ้าคุณไม่ใช่คอเกมส์ เล่นเอามันส์บนสมาร์ทโฟน
     หนึ่งในเหตุผลหลักๆ ที่ผู้ใช้โทรศัพท์ยุคนี้ เฟุ้งเฟื่องกที่จักครอบครองสมาร์ทโฟนที่มีฟีเจอร์เก๋ไก๋ คือ เอาไว้เล่นเกมส์ คำว่า เกมส์ ในที่นี่ไม่ได้หมายถึง เกมส์ทายปริศนา เกมส์ฝึกสมอง ใช่ไหมเกมส์แนว puzzel ทั่วๆ ไป แต่หมายถึง เกมส์จริงๆ ที่ต้องการใช้ซอฟต์แวร์รองรับระดับเทพ
     บางเกมส์อาจจักมีขนาดเทียบเท่า เกมส์คอมพิวเตอร์ ชัดเจน สมยิ่ง พร้อมทั้งไม่กระตุก แต่สมมตว่าคำตอบในเหตุผลนี้ของคุณคือ ไม่ แสดงว่าคุณยังจะพอใช้ สมาร์ทโฟน ที่มีฟีเจอร์ปกติทั่วไปได้
 คุณเป็นอย่างแค่ใช้กล้องโทรศัพท์ถ่ายรูปอัพลงโซเชียล
     คงไม่ยอมรับไม่ได้ว่า กล้องถ่ายภาพ กลายเป็นจุดเด่นที่สำคัญของสมาร์ทโฟน ยังคงมีการพัฒนากับแข่งขันนำเอาเทคโนโลยีการถ่ายภาพที่คมชัด มาใช้เป็นจุดขายสมาร์ทโฟนในแต่ละรุ่นตามยุคสมัย แบบใหม่ๆ ต่างว่าแต่ว่าคุณจัดอยู่ในชั้น ผู้ที่นิยมใช้กล้องโทรศัพท์ถ่ายภาพลงโซเชียลมีเดียแค่นั้น
     คุณอาจจักยังไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ เหตุเพราะภาพที่ถูกแชร์ลงโซเชียลฯ เกือบ 100% จักถูกบีบอัดไฟล์ภาพให้เล็กลง ไม่ว่ายังไง เพื่อนๆ ของคุณก็จักเห็นพ่างภาพที่คุณต้องการสื่อแต่ยังไม่คมชัดอย่างที่คุณคาดหวัง
สำรวจสักหน่อย..ที่ที่คุณอยู่หนังสือสัญญาณโทรศัพท์แรงไม่ก็ไม่ก็เปล่า
     เรื่องความเร็วของข้อตกลงณโทรศัพท์ในพื้นที่ที่คุณต้องใช้ในชีวิตประจำวันควรจักพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ก่อนจักเละบือกเปลี่ยนไปใช้สมาร์ทโฟนที่รองรับอนุอนุสัญญาณ LTE ระดับต่างๆ ในบ้านเรา ยังพบช่องโหว่ในบริการระบบส่งรับปากณ 3G ในบางพื้นที่ แม้ว่าค่ายโทรศัพท์ต่างๆ
     จักเละบือกประชาสัมพันธ์ระบบส่งสาบานณ 4G สอดคล้องกับสมาร์ทแบบใหม่ๆ แต่การพัฒนาดังกล่าวก็ยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ แม้จะมีสมาร์ทโฟนร้องรับข้อผูกพันณแรงๆ แต่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่บริการ ย่อมไม่ต่างกับการใช้สมาร์ทโฟนเครื่องเก่าของคุณเอง
คุณเป็นพวกชื่นชอบความกะทัดรัด สมาร์ทโฟนต้องพกพาสะดวก
     กลายเป็นหนึ่งปัจจัยที่ใครๆ ก็มุ่งหมายจักมีสมาร์ทโฟนขนาดพอดีมือ หยิบจับได้ถนัด ดูแลรักษาได้อย่างทั่วถึง แต่ปรากฏว่าสมาร์ทโฟนแบบใหม่ มีสถิติค่าเฉลี่ยเกี่ยวกับขนาดตัวเครื่องพร้อมกับหน้าจอ ประมาณการ 5 นิ้วขึ้นไป กับคาดว่ามีแนวโน้มที่จักใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
     ซึ่งสวนทางกับโทรศัพท์มือถือขนาดกะทัดรัด ที่นับวันโหมโรงจักเระบือนหายไปจากตลาดไป สมมตคุณยังแคร์เรื่องของขนาดโทรศัพท์ สมาร์ทโฟนน่าจักเป็นคำตอบที่ยังไม่ใช่เนื่องด้วยคุณ
 ถึงเวลาเหรอไม่ยัง? ที่ต้องจับจ้องสมาร์ทโฟนระยะประชิดใบหน้า
     แน่นอนว่า ภาพคมชัด บนจอสมาร์ทโฟนเป็นอีกหนึ่งจุดขายสำคัญในยุคนี้ เพราะว่าว่าปกติมนุษย์เราควรมองดูหน้าจอในระยะห่างที่เหมาะสม แต่ปัจจุบันสมาร์ทโฟนแบบใหม่ เน้นคุณภาพเรื่องรายละเอียดของจอแสดงผล
     เพราะว่าว่ามีผลการทดลองที่ระบุว่า ยิ่งความคมชัดของภาพสูงขึ้น ยิ่งต้องจับจ้องหน้าจอในระยะที่ใกล้ขึ้น เพื่อโฟกัสความละเอียดของภาพให้ชัดเจน แต่ก็อาจจักส่งผลต่อสุขภาพสายตาของคุณเอง
     ดังนั้นถ้าคุณไม่ใคร่ได้จดจ่ออยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ในระยะใกล้ขึ้นเรื่อยๆ สมาร์ทโฟนเครื่องเดิม แบบความละเอียด 480p ยังเป็นตัวเโจษจันกที่ยังโอเค แบบไม่ต้องซีเรียสมากนัก
 คุณเป็นพวกบ้าดาวน์โหลด ไม่ก็ไม่ เสพติดแอปพลิชั่นหรือว่าไม่เปล่า?
     ปัจจัยสำคัญของการมีสมาร์ทโฟนสเปคเจ๋งๆ เอาไว้ในมือ คงหนีไม่พ้นกับการเพลิดเพลินในการดูหนังฟังเพลง แต่ต่างว่าว่าคุณยังคงนิยมดูหนังในโรงจอเงิน ไม่ใช่ไม่ใช่หรือ อ่านหนังสือต้องเข้าห้องสมุด คุณน่าจักยังใช้โทรศัพท์เครื่องปัจจุบันของคุณได้ถัดไป เพราะว่าสมาร์ทโฟนเรือธง (flagship)
     มักเป็นแหล่งขุมทรัพย์ มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลด้วยว่าความบันเทิงแบบมัลติมีเดีย สะดวกสบายไม่ว่าจักเปิดดูตอนไหนเหรอฟังเพลงตราบใดไหร่ก็ได้ แม้ว่าตราบถึงเวลาหนึ่งอาจจักต้องกังวลกับปัญหาพื้นที่จัดเก็บที่ตั้งต้นไม่แค่พอ
 ถ้าคุณยังแคร์เรื่องการสื่อสารด้วยน้ำเสียง (กดโทรออก-รับสายเข้า)
     ท่ามกลางการแข่งขันของโลกสมาร์ทโฟน เทคโนโลยีพร้อมด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ถูกผลิตเสริมออกไปอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ใช่ว่าผู้บริโภคจะต้องหันมาใช้สมาร์ทโฟนกันทั้งหมด
     เพราะว่าเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มคนที่นิยมแต่การโทรออก-รับสาย ไม่ได้คลุกคลีกับฟีเจอร์อื่นใด นับการเป็นการใช้สมาร์ทโฟนอย่างไม่เต็มประสิทธิภาพกับอาจจักเป็นการสิ้นเปเลื่องงงบประมาณเพราะว่าใช่เหตุ ลองมองหาสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้ของคุณน่าจักเหมาะกว่า...
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>>http://thaizones-hitech.blogspot.com

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

SAMSUNG ประเทศไทย เปิดตัว GALAXY TAB ACTIVE แท็บเล็ตจอมอึด เจาะกลุ่มลูกค้าองค์การ



ทาง บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จํากัด ได้ทำการเปิดตัว Samsung Galaxy Tab Active แท็บเล็ตสุดแกร่ง จอขนาด 8 นิ้ว เพื่อตอบสนองการทำงงานแบบเน้นคนลุยๆ เช่นใช้ตามไซต์งานก่อสร้างต่างๆ หรือว่าในโรงงานที่มีความร้อนสูงๆ หรือว่าแม้แต่ชาวประมงที่ใช้ออกลุยในท้องทะเล ทุกสภาพอากาศ โดย Galaxy Tab Active นี้ จะไม่มีวางขายทั่วไป แต่จะเน้นไปที่การขายองค์กรต่างๆเป็นหลัก
สเปคของ Galaxy Tab Active

หน้าจอขนาด 8 นิ้ว ความละเอียด WXGA (1280 x 800) TFT LCD
หน่วยประมวลผล(CPU) 1.2 GHz Quad-Core
RAMขนาด 1.5GB แบบ LPDDR3, ROMความจุ 16GB เพิ่มได้ด้วย MicroSD สูงสุด 64GB
กล้องหลัก(กล้องหลัง) 3.1MP มีระบบออโต้โฟกัส พร้อมแฟรช กล้องหน้า 1.2MP
ขนาดตัวเครื่อง 126.2 x 213.1 x 9.75 มม. หนัก 388 กรัม (ในรุ่นที่มีแต่ Wi-Fi) กับ 393 กรัม (ในรุ่น LTE)
รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB 2.0 HS, BT 4.0 BLE, WiFi 802.11 a/b/g/n, NFC
แบตเตอรี่ขนาด 4,450mAh ศักยถอดเปลี่ยนได้ate

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับ C-Pen เพื่อรองรับการใช้งานที่ต้องการความละเอียดอ่อน พร้อมทั้งรวมถึงในบางครั้งที่เราต้องใส่ถุงมือในการทำงาน ก็สมรรถหยิบ C-Pen มาใช้เพื่อสั่งการต่างๆ ในระหว่างที่ใส่ถุงมือได้อีกด้วย
มาดูคุณสมบัติอื่นๆ ที่น่าสนใจของ Galaxy Tab Active กันดีกว่าครับ แน่นอนครับว่า ได้รับมาตรฐาน IP67 ที่เชี่ยวชาญกันฝุ่นเข้าได้ 100% ด้วยกันอาจจักอยู่ในน้ำลึกได้ถึง 1 เมตร ได้นานถึง 30 นาที พร้อมทั้งยังเป็นได้ทำงานได้ในทุกๆสภาพอากาศ ตั้งแต่ในที่ที่หนาวจัด อุณหภูมิ -20C ไปจนถึงที่ที่ร้อนสุดๆ ในอุณหภูมิ 60C นอกจากนั้น รอบๆของตัวเครื่อง ยังเป็นตัวกันกระแทกชั้นดี รองรับการร่วงหล่นในความสูง สูงสุด 1.2 เมตร เผลอทำหลุดมือตก ก็ยังอาจหยิบขึ้นมาใช้งานต่อได้อย่างไม่มีปัญหา

Galaxy Tab Active ยังจะมีระบบ Samsung Knox 2.0 ที่จักช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูลต่างๆที่สำคัญขององค์กร สมรรถควบควบคุมการใช้งานของเครื่องอื่นๆ ที่กำลังใช้งานอยู่ได้อีก เช่นล็อคการเข้าถึงแอปพลิเคชั่นบางตัว หรือว่าป้องกันการลบข้อมูล กับยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี NFC เพื่อตอบสนองการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ช่วงเวลาใหม่แบบต่างๆ
กล้องหลังของ Galaxy Tab Active ไม่ได้มีไว้แค่เพื่อถ่ายรูปเท่านั้น ยังสมรรถใช้ในการสแกนบาร์โค้ดได้อีกด้วย




และนี่เป็นครั้งแรกของ Samsung ที่ทำแท็บเล็ตให้เอาจจักเปิดฝาหลังได้ ด้วยกันแบตเตอรี่ ที่รอบรู้ถอดเปลี่ยนได้อีก ด้วยกันด้วยแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่ถึง 4,450mAh จึงทำให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่องถึง 10 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมี Ultra Power Saving Mode ที่จะเปลี่ยนสีหน้าจอให้เป็น ขาว-ดำ เพื่อช่วยในการประหยัดพลังงานอย่างยิ่งยวด


Samsung Galaxy Tab Active ได้มีการออกมาด้วยกัน 2 รุ่น มีรุ่น Wi-Fi ด้วยกันรุ่น LTE เพราะว่าโหมโรงในค่ามือถือที่ 21,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi และ 25,900 บาท ในรุ่นรุ่น LTE

ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> http://thaizones-hitech.blogspot.com/

วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

รวมโปรโมชั่นโบรชัวร์ค่าในงาน Commart 2014



มหกรรมงาน คอมพิวเตอร์ไอทีครั้งยิ่งใหญ่ในไทยที่มีจัดทุกๆ  ปลายปี 2014 อย่าง Commart ครั้งที่ 3 ซึ่งกลับมาในคราวนี้กับชื่อ Commart Comtech 2014 ที่นอกเหนือจากจักมี notebook และ คอมพิวเตอร์แบบใหม่ๆ แล้ว



ขอบคุณภาพประกอบจาก: advice.co.th

ในงานคราวนี้ก็ยังเน้นไปในส่วนของ มือถือสมาร์ทโฟนกับแท็บเล็ตอีกด้วย เรียกได้ว่ามาเดินเล่นในงานนี้ทีเดียวมีครบทุกอย่างตามที่ต้องการเลย รวมไปถึงในส่วนของโปรโมชั่นส่วนลดต่างๆ ก็จัดเต็มมาให้จุใจเหมือนเคย




เพราะใครที่ต้องการกาซื้ออุปกรณ์ไอที เตือนได้เลยว่าห้ามพลาดกันเลย อีกทั้งยังมาครบครันด้วย คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค พร้อมทั้งบรรดาสมาร์ทโฟนแท็บเล็ตรุ่นยอดนิยมต่างๆ  เอาเป็นว่าในวัน กับ เวลาจัดงานเราจะมาอัพเดทบทความด้วยกันโปรโมชั่นกันอีกทีแน่นอนครับ

ที่มา: http://hitech.sanook.com/1392613

ติดตามข่าวสารไอที คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค รุ่นใหม่ราคาประหยัด แนะนำวิธีการใช้งานด้วยกันการแก้ปัญหาได้ที่ : http://thaizones-hitech.blogspot.com/

วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Huawei เปิดตัวอย่างเป็นทางการในที่สยาม แอสเซนด์ เมท เซเว่น

border=0



หัวเว่ย 1 ใน 3 ยักษ์ผู้ทำการผลิตสมาร์ตโฟนของโลก ซึ่งหมายมั่นว่าให้ไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจในอาเซียน รุกตลาดในไทยแบบเต็มสูบ ด้วยการเปิดตัว หัวเว่ย แอสเซนด์ เมท เซเว่น (HUAWEI Ascend Mate 7) ในไทย



จุดขายอยู่ที่หน้าจอ FHD ขนาดใหญ่ถึง 6 นิ้ว ตัวเครื่องบาง 7.9 ม.ม. ความจุแบตฯที่เพิ่มขึ้นเพื่อการใช้งานได้ยาวนานกว่าเดิม ใช้เทคโนโลยีระบบสัมผัสลายนิ้วมือใหม่ แล้วตั้งมูลค่าไว้ที่ 16,990 บาท



หยาง ฉู่ CEO หัวเว่ย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า หัวเว่ย แอส เซนด์ เมท เซเว่น สะท้อนถึงพัฒนาการของ โทรศัพท์มือถือที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพการทำงานอันชาญฉลาด พร้อมกับ ประหยัดพลังงานยิ่งขึ้นด้วยกันความสะดวกสบาย แล้วยังใช้เทคโนโลยีระบบสัมผัสลายนิ้วมือ



รวมความเป็นอัจฉริยะของหน่วยประมวลผล(CPU) 8 Core (Octa-core) ผสานเข้ากับหน่วยประมวลผลอันชาญฉลาดของ Huawei Kirin 925 ที่สร้างขึ้นจากชิพเซ็ต 4 แกนขนาดใหญ่ A15 1.8 GHz ด้วยกัน 4 แกนขนาดเล็ก A7 1.3 GHz ตั้งค่าที่แตกต่างกันเพราะขึ้นอยู่กับความต้องการพลังงานแต่ละแอพพลิเคชั่นไม่ใช่หรือฟังก์ชันเฉพาะ เพื่อสมาร์ตโฟนจะจัดการการใช้งานพลังงานได้อย่างชาญฉลาด ช่วยประหยัดแบตเตอรี่เพราะอัตโนมัติได้มากถึงร้อยละ 50



สําหรับระบบสัมผัสลายนิ้วมือ เป็นการปฏิวัติรูปแบบการใส่รหัสข้ามในอดีต ช่วยให้ผู้ใช้ปลดล็อกโทรศัพท์ได้เร็วมากขึ้นถึง 80% จนถึงเปรียบเทียบกับอุปกรณ์ที่ใช้ระบบการรับรู้แบบวาดปลายนิ้วลงบนหน้าจอกับตอบสนองช้ากว่า



ตัวสแกนลายนิ้วมือติดตั้งอยู่ด้านหลังของแฮนด์เซ็ตแล้วมีขนาดที่ 9.16 x 9.16 มิลลิเมตร บันทึกลายนิ้วมือได้มากถึง 5 ชุด แตกต่างกัน จัดเก็บในโหมดปกติพร้อมด้วยโหมดผู้เข้าใช้ ให้ผู้ใช้สลับโหมดการใช้งานเพื่อให้เพิ่มการรักษาความปลอดภัยในโฟลเดอร์ส่วนตัว แอพพลิเคชั่น กับข้อมูลการชำระเงิน



มีอัตรา 508PPI ที่สูงเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มความแม่นยำถูกต้องในการอ่านค่า ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จักต้องปัดหน้าจอซ้ำแล้ว ซ้ำอีกเพื่อปลดล็อกอุปกรณ์อีกจากนั้นแม้นิ้วมือจะเปียกก็ตาม



นอกจากนี้แล้ว ARM Trust Zone เป็นฐานเก็บข้อมูล ที่ใช้รหัสลายนิ้วมือภายในชิพเซ็ตเพื่อให้เพิ่มการป้องกันที่ดีขึ้นโดย Secure OS พร้อมกับป้องกันการเข้าถึงโดยตรง จากบุคคลที่สาม การเชื่อมต่อระบบ LTE Cat6 ทำให้ดาวน์โหลดได้รวดเร็วสูงสุดถึง 300 Mbps เช่น ดาวน์โหลดจอเงินที่มีความละเอียดสูง (HD) ใช้เวลาแทบ 30 วินาที



ตัวเครื่องทำจากโลหะมากกว่า 95% ทั้งยังมีโครงสร้างภายในที่ทำจากโลหะผสมอะลูมิเนียมช่วยลดความร้อนได้อย่างดี เหนือกว่าด้วยความบางที่ 7.9 มิลลิเมตร น้ำหนักเบาปาง 185 กรัม (รวมแบตเตอรี่) มีความโค้ง เพื่อให้ง่ายต่อการจับ ถือพร้อมทั้งใช้งานด้วยมือเดียว



ขอบจอบางพิเศษขนาด 2.9 มิลลิเมตร ส่งผลให้อัตราส่วนของหน้าจออยู่ที่ 83% โหมโรงมาด้วยกันสองสีคือสีเงินพร้อมกับ สีดำ หน้าจอแบบ Cell-LTPS ด้วยกันเทคโนโลยี JDI Nega-NEO มีอัตราความคมชัดสูงถึง 1500 : 1 Huawei Ascend Mate7 ให้ภาพที่คมชัด กล้องด้านหลังที่มีความละเอียด 13 MP ในการถ่ายภาพปาร์ตี้ที่มีแสงน้อยด้วยเซ็นเซอร์ CMOS รุ่นที่ 4 จากโซนี่ด้วยกันรูรับแสงขนาด f/2.0 นอกจากนี้กล้องด้านหน้าที่มีความละเอียด 5MP ดัดแปลงมาจากเลนส์ที่ไม่มีทรงกลม 5P เพิ่มความคมชัดพร้อมกับลดความผิดเพี้ยนของภาพได้เป็นอย่างดี



ผู้สนใจแวะเข้าไปดูได้ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ทั่วประเทศ

ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>>  http://thaizones-hitech.blogspot.com/ 

วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Samsung เปิดตัวอย่างเป็นทางการ Galaxy A5 และ Galaxy A3 สมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นใหม่ปัจจุบันเป็นทางการแล้ว


โดยทั้ง 2 ตัว นั้นเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล Samsung’s A Series ลักษณะการดีไซน์และวัสดุเหมือน Galaxy Alpha ที่มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปก่อนหน้า



หากใครยังพอจำได้ไม่นานทางทีมงาน  เคยได้นำเสนอข่าวหลุด ความเคลื่อนไหวของสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นโดยตลอดและยังเคยแอบกัด Galaxy Alpha แบบเบาๆ ไปด้วย

ล่าสุด ซัมซุง ได้มีการเปิดตัว Samsung Galaxy A5 และ Samsung Galaxy A3 อย่างเป็นทางการไปแล้วครับ เบื้องต้นนั้นทางซัมชุงได้โชว์ว่าสมาร์ทโฟน Galaxy A ทั้ง 2 รุ่นนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความบางที่สุดของ Samsung ในตอนขณะนี้



Samsung Galaxy A5 มีคุณสมบัติเบื้องต้นดังต่อไปนี้ มีหน้าจอขนาด 5 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 720 x 1280 พิกเซล ตัวเครื่องเป็นกรอบโลหะเช่นเดียวกับ Galaxy Alpha กล้องด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล กล้อง ด้านหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, ชิปเซ็ตเป็น Snapdragon 400, หน่วยความจำภายในอยู่ที่ขนาด 16 GB , ชนิดแบตเตอรี่ 2,330 mAh, ระบบ  Android 4.4 KitKat



ส่วน Samsung Galaxy A3 นั้นมีคุณสมบัติเบื้องต้นดังนี้ ส่วนของหน้าจอนั้น Galaxy A3  จะมี หน้าจอใหญ่ขนาด 4.5 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 540 x 960 พิกเซล (เล็กกว่า Samsung Galaxy A5)ตัวเครื่องเป็นกรอบโลหะเช่นเดียวกัน ตัวเครื่องมีขนาด 130.1 x 65.5 x 6.9 มม., หน่วยประมวลผลในเครื่องแบบ Quad-Core Processor ความเร็ว 1.2 GHz, หน่วยความจำภายในขนาด 16 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 64 GB ส่วนของกล้องนั้นยังคุณสมบัติเหมือน Galaxy A5 ครับ และ รัน Android 4.4 KitKat



โดยทั้งนี้ Samsung Galaxy A5 และ Samsung Galaxy A3 จะเริ่มมีการวางจำหน่ายที่ประเทศจีนเป็นประเทศแรกในเดือนพฤศจิกายนนี้

สำหรับราคาอย่างเป็นทางการนั้นยังไม่มีการเปิดเผยแบบแน่ชัด แต่หากคำนวนจากกระแสข่าวลือที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้นั้นทั้ง 2 รุ่นน่าจะมีราคาน่าจะอยู่ระหว่าง $350 to $500

ที่มา:http://thaizones-hitech.blogspot.com/



วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สกู๊ปออนไลน์: ผู้บริโภคดั้งเดิมโอเปอร์เรเตอร์ ไม่ง่วนจริงไหม?

สกู๊ปออนไลน์: ลูกค้าเก่าโอเปอร์เรเตอร์ ไม่สนใจแน่ๆไหม?
กลายเป็นคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจลูกค้าเก่าๆ ของแต่ละค่ายแต่ละค่ายแน่นอนทันทีที่ได้เจอกับสิทธิพิเศษต่างๆ มากมายที่ที่จัดกันมาต้อนรับลูกค้าใหม่ๆ ด้วยกันดูเหมือนจักไม่ค่อยถึงมือลูกค้าเก่าๆ แม้ว่าคุณจะเป็นลูกค้าประจำของค่ายโอเปอร์เรเตอร์นั้นๆ มา 2-5-7 ไม่ใช่หรือ 10 ปีแล้วก็ตาม
 
จะเห็นได้ว่าช่วงนี้การแข่งขันแย่งชิงส่วนแบ่งของการตลาดที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดของแต่ละค่ายเพื่อเปิดฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ จัดขบวนพาเหรดกันจัดเคมเปญออกมาแข่งขันกันตลอดเวลา
พร้อมด้วยเคมเปญที่กำลังมาแรงในประเดี๋ยวนี้นันคงไม่พ้น บริการเลื่อนเครือข่าย เบอร์เดิม เพราะการนำสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ต รุ่นต่างๆ มาลดราคาพร้อมมีออฟชั่นพิเศษไว้เสริฟมากมาย ไม่ว่าจักเป็นการให้ส่วนลดค่าเครื่องหรือว่าเเลื่องกรับส่วนลดค่าแพ็กเกจ (จี๊ดอีกรอบ...)  จนถึงกับมีการไปตั้งกระทู้ตัดพ้อ น้อยใจน้อยใจกันในเว็บพันทิป.คอม
ส่วนหนึ่งของความในใจลูกค้า
แต่ละความคิดเห็นจัดหนักพร้อมกับจัดเต็มครับ
 
คนที่เป็นลูกค้าเก่าเจอแบบนี้ (เหว่อไปสิ) ใช้งานมา 10 ปีไม่เคยได้อะไร? เรื่องนี้จึงเป็นที่มาของสกู๊ปชิ้นนี้ว่าเป็นแน่แท้ๆ แล้วลูกค้าเก่าๆ ไม่ได้รับสิทธิส่วนนั้นแน่นอนๆ หรือว่าว่าข่าวสารนั้นตกไปจนทำให้ลูกค้าเก่าพากันเข้าใจผิดกันแน่..มาดูคำตอบกันครับ
ก็เพราะว่าถ้าหากมองอีกมุมต่างว่าใครได้ทำการบ้านพร้อมทั้งหาข้อมูลเพื่อรักษาผลประโยชน์ จักเห็นได้ว่าทางโอเปอร์เรเตอร์ก็ไม่ได้ใจร้ายอะไรมากนักยิ่งๆ แล้วมีการให้สิทธิ์ reward แก่ลูกค้าเก่า (ชั้นดีมากมายเช่นกัน)
เกริ่นกันที่ Dtac ดีแทคนั้นเค้ามีการมอบสิทธิ์ dtac reward ครับแล้ว รวมทั้งโครงการ ยิ่งอยู่นาน ยิ่งรักกัน ที่ส่งออกมาเอาใจฐานลูกเค้าเก่าโดนเฉพาะ ใครมีสิทธิ์ได้รับ dtac reward บ้าง? เรามีข้อมูลให้ครับ
ลูกค้าดีแทคอาจแสดงตนพร้อมทั้งในสิทธิเพื่อรับส่วนลดต่างๆ ได้มากมาย เข้าไปอัพเดทข้อมูลเพิ่มเติมได้: www.dtac.co.th/dtacreward
มาดูค่ายต่อมากันบ้างจำเลยต่อมาเป็นของ Truemove H ซึ่งทางทรูเองก็ดูแลลูกค้าเก่าเช่นกันครับ ไม่ว่าจักเป็นส่วนของ True Rewards Point ที่สอบถามข้างต้น จักต้องใช้งานหมายเลข Truemove หรือไม่ก็ Truemove H ทั้งแบบเติมเงิน พร้อมทั้ง รายเดือนเพื่อกดรับสิทธิ True bonus ใช่ไหม True  point  นะครับทรูมอบสิทธิพิเศษ TrueBonus ให้กับลูกค้าเพราะคำนวณจากระยะเวลาที่ลูกค้าใช้สินค้าพร้อมทั้งบริการในเครือทรู พร้อมทั้งแยกคำนวณตามบริการต่างๆ เพราะจำนวนสิทธิ์ที่ลูกค้าได้รับ
เข้าไปอัพเดทข้อมูลเพิ่มเติมได้: trueyou.truecorp.co.th
ปิดท้ายกันที่ค่าย AIS เพราะว่าค่ายนี้ก็เจอปัญหาเรื่องไม่ดูแลฐานลูกค้าเก่าๆ เช่นเดี่ยวกับ 2 ค่ายแรก พร้อมกับดูเหมือนจะหนักกว่าใครเค้าด้วย ทางคณะงานเลยไปหาข้อมูลมาอัพเดทกัน ซึ่งยิ่งๆ แล้วทาง AIS นั้นก็มีสิทธิพิเศษไว้บริการลูกค้าเก่าๆ มากมายไม่จำนนค่ายไหนๆ เหมือนกัน แต่เพราะเราไม่ได้อ่านพร้อมกับศึกษาข้อมูลพวกนี้ทำให้พาดพร้อมด้วยไม่ได้ใช้สิทธิกัน
เข้าไปอัพเดทข้อมูลเพิ่มเติมได้: ais.co.th
หลังจากที่ได้อ่านบทความนี้แล้วก็เลิกน้อยอกน้อยใจโอเปอร์เรเตอร์ แต่ละค่ายกันนะครับถ้าใครได้อ่านก็จะรู้ว่าจริงๆๆ แล้วแต่ละค่ายเองนั้นมีโปรโมชั่นพิเศษไว้บริการลูกค้าเก่าๆ มากมาย เพราะผู้ที่ต้องผู้ที่ต้องการจะรักษาสิทธิในส่วนนี้นั้นคงต้องติดตามข่าวสารพร้อมกับอัพเดทโปรโมชั่นจากทางโอเปอร์เรเตอร์ ทางพวกงานเชื่อว่าทุกคนจะเก่งรับสิทธิพิเศษนี้ได้ครับ
ติดตามข่าวสารเทคโนโลยีช่องทางใหม่ได้ที่ >>> http://www.pinterest.com

วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ไมโครซอฟท์ทิ้งนาม โนเกีย อย่างเป็นทางการ แลกเปลี่ยนเป็น Microsoft Lumia

หลังจากการควบรวมกิจการระหว่างส่วนอุปกรณ์พร้อมด้วยบริการของโนเกียกับ ไมโครซอฟท์ ความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนคือเรื่องของแบรนด์ในการทำตลาดด้วยโทรศัพท์มือ ถือต่อจากนี้
ซึ่งในที่สุดแล้ววันนี้ The Verge รายงานว่า ไมโครซอฟท์ ปลงใจทิ้งชื่อ โนเกีย ออกจากผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนของตัวเองอย่างเป็นทางการ เพราะว่าเปลี่ยนเป็น Microsoft Lumia แน่นอนแล้ว
เรื่องนี้ได้รับการเปิดเปรยจากเว็บไซต์ The Verge พร้อมทั้ง Windows Central (เปลี่ยนชื่อจาก Windows Phone Central) โดยระบุว่าในหน้าเพจของโนเกียสาขาฝรั่งเศส มีการประกาศชัดเจนว่ากำลังจักเปลี่ยนชื่อกลายเป็น Microsoft Lumia ในเวลาอีกไม่นานนี้ ซึ่งทาง The Verge ระบุว่าจักเปลี่ยนทั้งบน Facebook, Twitter พร้อมทั้งสื่อสังคมออนไลน์อื่นๆ
ทางไมโครซอฟท์เองก็ยืนยันการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ด้วยว่าจักมาภายในอีกไม่กี่อาทิตย์นับจากนี้
ที่มา - http://thaizones-hitech.blogspot.com/2014/10/microsoft-lumia.html